วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
ฐานการเรียนรู้ผะหมี
ใบความรู้ที่ 1

ประวัติการละเล่นผะหมี
          อาจารย์วีระ ฉ่ำตุ๋ย อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนชุมชนวัดบ้านระกาศ  ได้เล่าให้ฟังว่า ชาวจีนในสมัยโบราณมีความรู้เกี่ยวกับการแต่งกลอน  ชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ เมื่อเวลามี งานเทศกาลที่สำคัญของชาวจีน เช่น เทศกาลตรุษจีน  วันไหว้พระจันทร์ งานวันไหว้บรรพบุรุษ  ชาวจีนประดับประดาโคมไฟและจะเขียนคำกลอนไว้ด้วยสีแดงไว้บนโคมไฟ แขวนไว้หน้าบ้าน เมื่อคนที่สัญจรผ่านไปมาต่อคำกลอนที่เจ้าของบ้านเขียนไว้ได้ เจ้าของบ้านจะเชิญเข้าบ้านเชิญรับประทานอาหารและจะให้เกียรติถือว่าเป็นคนมีความรู้ควรสรรเสริญ  เมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2  ชาวจีนอพยพเข้ามาในประเทศไทยขึ้นฝั่งบริเวณชายทะเลจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียงและพักอาศัยแถบชลบุรีกรุงเทพแถวสำเพ็ง  เมื่อถึงเทศกาลของชาวจีน ก็จะจัดพิธีเช่นเดิมมีการเขียนกลอน  คนไทยเองเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนเช่นกันก็แต่งกลอนเป็นภาษาไทย       ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเล่นผะหมี    โดยให้แต่งร้านแบบจีนเป็นห้องโถง  มีช่องผู้ตอบคำแก้ปริศนา  คำปริศนาเขียนบนกระดาน   สีต่างๆ ติดไว้ตามข้างฝา  ผู้ใดคิดได้ก็ปลดลงมาผู้ตอบจะต้องเสียเงิน 1 บาทก่อนแล้วจึงตอบเมื่อตอบแล้วก็อาจมีอาณัติสัญญาณดังขึ้น  ถ้าเป็นเสียงกลองดังขึ้นก็แปลว่าทายถูก จะได้รับรางวัลเป็นสิ่งของ  แต่ถ้าตอบผิดก็จะมีเสียงแก๊ก  ผู้ตอบจะต้องนำปริศนาไปไว้ที่เดิมต่อมาภายหลังทรงเรียกว่า “การทายปริศนา“



          สำหรับจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดชลบุรี หรือแม้แต่กรุงเทพฯเองก็อยู่ใกล้เคียงกัน จึงมีการละเล่นปริศนาคำทาย โจ๊ก ผะหมีกันอย่างแพร่หลาย ที่เรียกว่า “ โจ๊ก “ สันนิษฐานได้ว่า การทายปริศนานั้น ต้องใช้เวลานาน เล่นกันจนดึกดื่น  เจ้าภาพจึงต้มโจ๊กมาเลี้ยง หรืออาจเป็นได้ว่าการทายนั้น  ถ้าแปลคำว่า “โจ๊ก”  ก็คือ ตลก การทายโจ๊กเล่นแล้วตลกให้ความสนุกสนาน จึงเรียกว่า “โจ๊ก” ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ หรือที่เราเรียกว่าปากน้ำ นิยมเรียกการทาย “โจ๊ก” จะเล่นในงานแห่ผ้าห่มองค์พระสมุทรเจดีย์บ้าง  ในงานศพบ้าง แต่ที่อำเภอบางบ่อ นิยมเรียกว่า “ผะหมี”


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น