ศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
ฐานการเรียนรู้ผะหมี
ใบความรู้ที่
1
ประวัติการละเล่นผะหมี
อาจารย์วีระ
ฉ่ำตุ๋ย อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนชุมชนวัดบ้านระกาศ ได้เล่าให้ฟังว่า ชาวจีนในสมัยโบราณมีความรู้เกี่ยวกับการแต่งกลอน
ชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ เมื่อเวลามี งานเทศกาลที่สำคัญของชาวจีน
เช่น เทศกาลตรุษจีน วันไหว้พระจันทร์
งานวันไหว้บรรพบุรุษ
ชาวจีนประดับประดาโคมไฟและจะเขียนคำกลอนไว้ด้วยสีแดงไว้บนโคมไฟ
แขวนไว้หน้าบ้าน เมื่อคนที่สัญจรผ่านไปมาต่อคำกลอนที่เจ้าของบ้านเขียนไว้ได้ เจ้าของบ้านจะเชิญเข้าบ้านเชิญรับประทานอาหารและจะให้เกียรติถือว่าเป็นคนมีความรู้ควรสรรเสริญ
เมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 ชาวจีนอพยพเข้ามาในประเทศไทยขึ้นฝั่งบริเวณชายทะเลจังหวัดระยอง
และจังหวัดใกล้เคียงและพักอาศัยแถบชลบุรีกรุงเทพแถวสำเพ็ง เมื่อถึงเทศกาลของชาวจีน
ก็จะจัดพิธีเช่นเดิมมีการเขียนกลอน คนไทยเองเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนเช่นกันก็แต่งกลอนเป็นภาษาไทย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้มีการเล่นผะหมี โดยให้แต่งร้านแบบจีนเป็นห้องโถง
มีช่องผู้ตอบคำแก้ปริศนา คำปริศนาเขียนบนกระดาน สีต่างๆ ติดไว้ตามข้างฝา ผู้ใดคิดได้ก็ปลดลงมาผู้ตอบจะต้องเสียเงิน 1 บาทก่อนแล้วจึงตอบเมื่อตอบแล้วก็อาจมีอาณัติสัญญาณดังขึ้น
ถ้าเป็นเสียงกลองดังขึ้นก็แปลว่าทายถูก
จะได้รับรางวัลเป็นสิ่งของ แต่ถ้าตอบผิดก็จะมีเสียงแก๊ก
ผู้ตอบจะต้องนำปริศนาไปไว้ที่เดิมต่อมาภายหลังทรงเรียกว่า
“การทายปริศนา“
สำหรับจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดชลบุรี
หรือแม้แต่กรุงเทพฯเองก็อยู่ใกล้เคียงกัน จึงมีการละเล่นปริศนาคำทาย โจ๊ก
ผะหมีกันอย่างแพร่หลาย ที่เรียกว่า “ โจ๊ก “ สันนิษฐานได้ว่า การทายปริศนานั้น
ต้องใช้เวลานาน เล่นกันจนดึกดื่น เจ้าภาพจึงต้มโจ๊กมาเลี้ยง
หรืออาจเป็นได้ว่าการทายนั้น ถ้าแปลคำว่า
“โจ๊ก” ก็คือ ตลก
การทายโจ๊กเล่นแล้วตลกให้ความสนุกสนาน จึงเรียกว่า “โจ๊ก”
ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ หรือที่เราเรียกว่าปากน้ำ นิยมเรียกการทาย “โจ๊ก” จะเล่นในงานแห่ผ้าห่มองค์พระสมุทรเจดีย์บ้าง
ในงานศพบ้าง แต่ที่อำเภอบางบ่อ
นิยมเรียกว่า “ผะหมี”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น